ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2565
ทีมเชลซี 1-4 ทีมเบรนท์ฟอร์ด
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
จากสถานการณ์จากการรบกันระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน ยังไม่จบสิ้น และยังไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นเจ้าของสโมสรเชลซีคนต่อไปจาก โรมัน อับราโมวิช แต่เชลซีคงต้องสู้ต่อไปในสถานการณ์แบบนี้ ทำให้เกมในนัดที่29 ของเชลซี พ่ายเป็นครั้งแรกรอบ7 เกม โดย อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ยิงสุดสวย พาทีม สิงห์บลูส์ นำก่อนช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ทีม เบรนท์ฟอร์ด โชว์พลังฮึดรัวยิง 4 ประตูรวดโดย คริสเตียน เอริคเซ่น ยิงด้วย พาทีม เบรนท์ฟอร์ด บุกถล่มสุดมันส์ รั้งที่ 14 พร้อมทำ เชลซี พ่ายครั้งแรกรอบ 7 เกมรั้งที่ 3ต่อไป
เกมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2565 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ระหว่าง ทีมเชลซี ที่ชนะในลีกมา 5 นัดติด อันดับ 3 ของตาราง เปิดบ้านพบกับ ทีม เบรนท์ฟอร์ด ทีมอันดับ 15 ของตาราง
เกมมานาทีที่ 20 ฮาคิม ซิเย็ค พาบอลขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนเปิดบอลเข้ากลางมาให้ ติโม แวร์เนอร์ พักบอลลงก่อนจ่ายต่อให้ มาร์กอส อลอนโซ่ แล้วเลือกโยนข้ามฝั่งมาให้ เมสัน เม้าน์ท ได้โอกาสยิงไกลจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลพุ่งข้ามคานออกหลังไป อย่างน่าเสียดาย
มาถึงนาทีที่ 31 เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้บอลตรงกลางสนามก่อนส่งต่อมาให้ รูเบน ลอฟตัส-ชีค พาบอลหลบกองหลังทีมเบรนท์ฟอร์ด ก่อนเลี้ยงมาหน้ากรอบเขตโทษ แล้วตัดสินใจยิงซัด บอลพุ่งเข้ากรอบเขตโทษ แต่ไปตรงตัวนายประตู ดาบิด ราย่า รับบอลเอาไว้ได้ สบาย
ถัดมาในนาทีที่ 40 ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้บอลก่อนมีจังหวะส่งบอลต่อมาให้ เมสัน เม้าน์ท ก่อนพาบอลขึ้นหน้ามาแล้วส่งต่อไปให้ ฮาคิม ซิเย็ค ได้โอกาสยิงจากหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งตรงกรอบแต่ยังเป็น ดาบิด ราย่า ที่สามารถพุ่งปัดบอลข้ามคานไปได้
และช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนั้น ไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูได้ หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรกทีม เชลซี ยังเสมอกับ ทีมเบรนท์ฟอร์ด 0-0
เกมเริ่มมาครึ่งหลังในนาทีที่ 48 ทีม เชลซี พยายามพาบอลขึ้นมา ก่อนเป็น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ไหลบอลมาให้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ได้โอกาสยิงไกลจากระยะเกือบ 40 หลา ส่งบอลพุ่งผ่านมือนายประตู ดาบิด ราย่า เข้าไปอย่างสวยงาม ช่วยให้ ทีมสิงห์บลูส์ ออกนำ เบรนท์ฟอร์ด 1-0 ไปก่อน
และหลังจากนั้นในนาทีที่ 50 ทีม เบรนท์ฟอร์ด พยายามจะบุกเพื่อทวงประตูคืน ก่อนเป็น ไอแวน โทนี่ย์ ที่ส่งบอลต่อมาให้ บริย็อง เอ็มเบอโม่ พักบอลก่อนแทงออกด้านซ้ายให้ วิตาลี่ ยาเนลท์ ได้โอกาสซัดยิงเต็มข้อส่งบอลผ่านมือ เอดูอาร์ เมนดี้ เข้าประตูไป ช่วยให้ทีม เบรนท์ฟอร์ด ไล่ตามตีเสมอทีม เชลซี 1-1
นาทีที่ 54ทีม เบรนท์ฟอร์ด ได้จังหวะโต้สวนกลับก่อนเป็น มัดส์ โรเอร์สเลฟ ราสมุสเซ่น ที่โหม่งบอลขึ้นหน้าให้ บริย็อง เอ็มเบอโม่ ได้บอลก่อนใช้ความเร็วเลี้ยงบอลจี้ไปข้างหน้า แล้วจ่ายเข้ากลางไปหน้าปากประตูในกรอบเขตโทษให้ คริสเตียน เอริคเซ่น ได้ยิงแบบโล่งๆ เข้าประตูไป ช่วยพา ทีมเบรนท์ฟอร์ด แซงขึ้นนำ ทีมเชลซี 2-1
ถัดมาในนาทีที่ 60 บริย็อง เอ็มเบอโม่ ส่งบอลต่อมาให้ ไอแวน โทนี่ย์ ก่อนแทงบอลเข้าในกรอบเขตโทษให้ วิตาลี่ ยาเนลท์ หลุดเข้าไปชิพบอลข้ามตัว นายประตู เอดูอาร์ เมนดี้ เข้าประตูไป ช่วยให้ เบรนท์ฟอร์ด นำหนีห่าง เชลซี 3-1
และนาทีที่ 87 จากจังหวะฟรีคิกของทีมเบรนท์ฟอร์ด คริสเตียน เอริคเซ่น ผ่านบอลมาให้ คริสเตียน นอร์การ์ด ตักบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนเป็น อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่ปล่อยให้บอลตกเลยไปถึง โยอัน วิสซ่า ได้ซัดยิงโล่งๆ ส่งบอลเข้าประตูไปพา ทีมเบรนท์ฟอร์ด หนีห่าง เชลซีเป็น 4-1
และช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่สามารถทำสกอร์เพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขันทีม เชลซี พ่าย ทีมเบรนท์ฟอร์ด คารัง 1-4 ส่งผลให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” พ่ายครั้งแรกรอบ 7 เกม มี 59 คะแนน รั้งอยู่ที่ 3 ส่วนทีมเบรนท์ฟอร์ด มี 33 แต้ม รั้งที่ 14
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้ง 2 ทีม
ทีม เชลซี เล่นระบบ (4-3-3) : เอดูอาร์ เมนดี้ – เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, มาร์กอส อลอนโซ่ (รีซ เจมส์ น.60)- เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (โรเมลู ลูกากู น.65), รูเบน ลอฟตัส-ชีค, เมสัน เม้าน์ท – ฮาคิม ซิเย็ค, ไค ฮาแวร์ตซ์, ติโม แวร์เนอร์ (มาเตโอ โควาชิช น.64)
ทีม เบรนท์ฟอร์ด เล่นระบบ (4-5-1) : ดาบิด ราย่า – คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์, ปอนตุส ยานส์สัน, อีธาน พินน็อค, ริโก้ เฮนรี่ (เซร์จี้ กานอส น.88)- บริย็อง เอ็มเบอโม่ ( โยอัน วิสซ่า น.85), คริสเตียน เอริคเซ่น, คริสเตียน นอร์การ์ด, วิตาลี่ ยาเนลท์ (มาร์ทิส แยนเซ่น น.82), มัดส์ โรเอร์สเลฟ ราสมุสเซ่น – ไอแวน โทนี่ย์